วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำ สำหรับบ้านคุณ

ฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำ สำหรับบ้านคุณ



ห้องน้ำเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับบ้านของคนเรา เพราะใช่งานอยู่ทุกวัน แล้วคุณจะตกแต่งห้องน้ำบ้านของคุณแบบไหนเลือกเฟอร์นิเจอร์อย่างไรจึงจะเข้า กับบ้านของคุณ วันนี้เอามาให้ชมดูก่อนครับว่าชอบหรอป่าว ลองเลือกดูครับ



กระจกบานใหญ่กำลังดี เฟอร์นิเจอร์สีขาวและประดับด้วยแจกันกิ่งไม้สวยมากครับ

เรียบๆดีครับ กระจกมีไฟส่องด้วย และอ่างล้างหน้าก็ไม่ใหญ่เกิ
นไปกำลังดีครับ แปลนบ้าน



ตู้เก็บของสีน้ำตาลเข้มๆ บวกกับเฟอร์นิเจอร์สีขาว เข้ากับพรหมและพื้นไม่สีขาวเลยครับ



อันนี้สีออกคล้ำๆหน่อย แต่ชอบตรงที่มีที่ไว้สำหรับแขวนของ สะดวกสบายดีครับ



มีกระจกบานยาวเล็ก และมีชั้นไว้วางของเป้นชั้นๆ อ่างล้างหน้าก้อไม่ใหญ่เกินไปกำลังดีเลยครับ สำหรับคนที่อยู่คนเดียว



อ่างล้างหน้าเป็นไม้ มีลวดลายหน่อยสวย แบบเรียบๆครับ

ถ้าใครชอบหรือห้องน้ำแบบไหนที่คุณต้องการ มาดูด้านนี้ได้ครับ http://community.akanek.com/story/2010/10/What-kind-of-bathroom-you-want

แปลนบ้าน

วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จัดวางห้องรับแขก ตามหลักฮวงจุ้ย

จัดวางห้องรับแขก ตามหลักฮวงจุ้ย

การจัดห้อง รับแขกภายในบ้านหรือภายในสำนักงาน ให้ถูกต้องตามหลักการทางฮวงจุ้ย และเพื่อเสริมสร้างบารมี พร้อมทั้งนำความมั่งมีศรีสุขมาสู่เจ้าของบ้าน

ห้องรับแขกจัดได้ว่าเป็นด่านแรกที่ทุกท่านใช้เป็นสถานที่ในการต้อนรับ บุคคล ภายนอกที่เข้ามาเยี่ยมเยียนนั้น เราจึงมักให้ความสำคัญในการตกแต่ง และประดับประดาสิ่งของให้ดูสวยงามตามรสนิยมของเจ้าของบ้าน ซึ่งบางท่านอาจชอบ แบบหรูหรา บางท่านอาจชอบขรึม ๆ บางท่านก็ชอบแบบคลาสิค หรือชอบแบบทันสมัยไฮเทค เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะจัดห้องรับแขกใด ก็มักจะเป็นสิ่งที่สะท้อนบุคลิกและรสนิยมของเจ้าของบ้านทั้งสิ้น ดังนั้น ห้องรับแขกจึงควรเป็นห้องหนึ่งที่เจ้าของบ้านสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนได้

หลักการจัดห้องรับแขก
1. ห้องรับแขกควรอยู่ในตำแหน่งและทิศทางที่รุ่งเรือง ซึ่งจะต้องสมพงษ์กับพื้นดวงของเจ้าบ้าน (ท่านต้องขอให้ผู้รู้คำนวณทิศทางที่เป็นมงคลของท่าน ซึ่งจะมีหลักการคำนวณ โดยใช้ศาสตร์ของโป๊ยหยี่สี่เถียวหรือดวงจีน นั่นเอง สำหรับท่านที่ไม่ทราบอาจขอให้ทางคอลัมน์คำนวณให้ได้ เป็นรายบุคคลไป เนื่องจากหากจะนำมาอธิบายในที่นี้ คงต้องเล่ารายละเอียดกันยืดยาวพอสมควร)
2. สีสันที่ใช้ในการตกแต่งห้องรับแขก ควรเป็นสีที่นำความรุ่งเรืองและเป็นสิริมงคลรวมทั้งต้องถูกโฉลกต่อตัวท่าน เช่นกัน (ก็คงต้องอาศัยการคำนวณเป็นรายบุคคล เช่นเดียวกับ ข้อ1)
3. ห้องรับแขกควรจัดให้อยู่ในบริเวณที่เห็นได้เด่นชัด เนื่องจากจะบ่งบอกว่าท่านยินดีต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความเต็มใจ
4. ควรหลีกเลี่ยงการนำฉากมาตั้งไว้ตรงประตูทางเข้า เนื่องจากไม่สวยงามแล้วยังเป็นการสกัดกั้นการไหลเวียนของกระแสชี่ หรือกระแสของโชคลาภที่จะไหลเวียนเข้ามาภายในบ้านท่านด้วย
5. ภายในห้องรับแขกไม่ควรติดกระจกหรือวัสดุสะท้อนแสง เนื่องจากจะกลายเป็นสะท้อนแขกของท่านออกไป
6. บริเวณด้านหลังห้องรับแขกไม่ควรเป็นห้องนอน หรือบันไดวน
7. หลีกเลี่ยงการจัดวางห้องรับแขกอยู่บริเวณคานของตัวบ้าน หรือใต้ชั้นลอย เนื่องจากจะสร้างความรู้สึกอึดอัด และแขกจะรู้สึกถูกเหยียบย่ำอยู่ตลอดเวลา
8. สำหรับท่านที่ชอบเลี้ยงปลาสวยงาม อาจตกแต่งห้องรับแขกด้วยตู้ปลา แต่ควรระมัดระวังเรื่องตำแหน่งของที่ตั้งตู้ปลาด้วย เนื่องจากในทางฮวงจุ้ย ตู้ปลาเปรียบเสมือน "น้ำ" และ "น้ำ" ในทางฮวงจุ้ยมีบทบาทสำคัญในการเก็บกักกระแสชี่ หรือกระแสมงคล ดังนั้นการวางตู้ปลาจึงควรอยู่ในตำแหน่งไชอุย หรือตำแหน่งโชคลาภ ซึ่งได้แก่ตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามประตู หรือด้านที่ทะแยงกับมุมของประตู้ห้องรับแขกทั้ง 2 ด้าน
นอกจากนี้ตู้ปลาควรตั้งอยู่ในตำแหน่งรุ่งเรืองที่ถูกโฉลกกับพื้นดวงชะตาของเจ้าของบ้านอีกด้วยก็จะดีมาก
9. ตำแหน่ง "ไชอุย" หรือตำแหน่งรับโชคลาภของห้องรับแขกไม่ควรทำเป็นประตู เนื่องจากโชคลาภที่ไหลเวียนเข้ามาจะเก็บไว้ไม่อยู่ จะไหลออกไปหมด เปรียบเสมือนท่านทำงานหาเงินมาได้มากเท่าไหร่ก็จะมีแต่ทางใช้จ่ายไปมาก ไม่สามารถเก็บสะสมออมทรัพย์ได้
10. หลอดไฟที่จะนำมาประดับเพดาน ควรเป็นรูปทรงกลม เปรียมเสมือนดวงดาวบนท้องฟ้า ที่ส่งสกาวสดใสระยิบระยับเต็มไปหมด ซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าให้ท่านอย่างต่อเนื่องไม่มีที่ สิ้นสุด
11. หากท่านต้องการวางตู้โชว์ภายในห้องรับแขก ที่ควรจัดวางในต่ำแหน่งที่รุ่งเรืองและส่งเสริมพื้นดวงของเจ้าของบ้านด้วย เช่น ถ้าเจ้าของบ้านขาดธาตุน้ำก็ควรวางตำแหน่งตู้โชว์ทางทิศเหนือ ซึ่งหมายถึง ธาตุน้ำ เป็นต้น
12. ชุดรับแขกหรือโซฟา ก็ควรจัดให้เรียงรายอยู่ในบริเวณเดียวกับตู้โชว์ โดยอาศัย หลักการที่ว่าเจ้าของขาดธาตุใด หรือต้องการเสริมธาตุใดก็ควรวางโซฟาไว้ในทิศทางนั้น ๆ ด้วย เนื่องจากการจัดวางตู้โชว์และโซฟา เปรียบเสมือนภูเขาที่รับลมจากน้ำ และเป็นพลังหยิน คือความนิ่งนั่นเอง จะบ่งบอกถึงความมั่นคงหนักแน่นที่จะช่วยเสริมบารมีให้แก่เจ้าของบ้านได้ ในขณะเดียวกัน ประตูเข้าห้องรับแขกก็เปรียมเสมือนพลังหยาง เป็นการรับลมจากฟ้า หรือรับกระแสชิ่ให้ไหลเวียนเข้ามาด้วยเช่นกัน

 การจัดห้องรับแขกสำหรับบุคคลที่ต้องการธาตุน้ำมาเสริมในดวงชะตาก็ควรจัด ให้อยู่ในมุมของทิศเหนือ หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งหมายถึงธาตุน้ำและธาตุทองตามลำดับ

        ในบ้านแต่ละหลัง ตำแหน่งสำคัญ ๆ ที่เจ้าของบ้านไม่ ควรละเลยในการจัดวางให้ถูกหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยอยู่เย็นเป็นสุข ประสบแต่โชคลาภ ซึ่งบุคคลทั่วไปมักให้ความสำคัญกับการจัดตำแหน่งห้องนอน ห้องพระ แต่มีอีกหลาย ๆ ท่านที่ละเลยการจัดวางตำแหน่งไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น หากท่านพอมีความรู้พื้นฐานในเรื่องนี้บ้างพอสมควรแล้ว เชื่อว่าหากท่านจัดห้องรับแขกได้ถูกหลักการตามที่กล่าวมาข้างต้นได้แล้ว ท่านก็จะมีที่อยู่อาศัยที่จะบันดาลความสุข ความเจริญรุ่งเรืองและความอบอุ่นมาสู่ครอบครัวของท่านได้ชั่วนิรันดร์

แปลนบ้าน

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์

การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์

เฟอร์นิเจอร์ ทุกชนิดต้องได้รับการทำความสะอาดตามสมควรและอย่างถูกวิธีจึงจะสามารถยืดอายุ การใช้งานของเครื่องใช้ได้ โดยสามารถแบ่งตามวัสดุที่ใช้ผลิตได้ดังนี้

1.  ผ้าบุนวม วัสดุบุจำพวกผ้าเหมาะกับสภาพอากาศร้อนแต่ก็มีปัญหาเรื่องความชื้นและสกปรก ค่อนข้างง่ายและหากสกปรกแล้วก็ยากที่จะทำความสะอาดให้เหมือนเดิม แต่ผู้ผลิตบางรายได้พ่นเคลือบน้ำยาที่ลดการเกาะตัวของฝุ่นและลดการดูดซึมของ น้ำ ซึ่งช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น โดยที่การทำความสะอาดทั่วไปสำหรับเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้สามารถทำได้โดยการ  ดูดฝุ่นหรืออาจใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หรืออาจใช้เครื่องพ่นไอน้ำทำความสะอาดได้ด้วยเพราะจะฆ่าเชื้อโรคและไรฝุ่น และยังช่วยให้เนื้อผ้าคืนตัว การใช้น้ำยาซักแห้งหรือแอมโมเนียเจือจางก็ได้แต่ควรระมัดระวังในการใช้และ ควรทดสอบในบริเวณเล็กๆก่อน และซับอย่างเบามือและห้ามขัดถูอย่างเด็ดขาด แต่ทางที่ดีควรเลือกชนิดถอดซักได้เพราหากต้องการบุผ้าใหม่จะเสียค่าใช้จ่าย ที่สูงมาก
2. ไม้ ควรใช้แปรงปัดฝุ่นไฟฟ้าสถิตย์ปัดฝุ่นแล้วลงน้ำมันรักษาเนื้อไม้บ้างเป็น ครั้งคราว แต่หากเป็นไม้ขัดมันต้องระวังไม่ให้โดนน้ำเด็ดขาดทำได้แค่เพียงใช้ผ้าหมาด เช็ดถูและลงน้ำมันได้บ้างแต่ไม่ควรลงบ่อยจนเกินไปเนื่องจากจะทำให้ฝุ่นเกาะ ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ควรระวังเรื่องของของร้อนและเย็นเช่น แก้วน้ำ เนื่องจากอาจสร้างความเสียหายหรือรอยด่างให้กับเนื้อไม้ได้  วิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้โป่งออกมาคือ ให้วางผ้าชื้นๆ ลงบน รอยที่โป่ง ใช้เตารีดร้อนๆ ทับบนผ้า จะทำให้คืนสู่สภาพเดิม  วิธีขจัดรอยขีดข่วนบนเฟอร์นิเจอร์ไม้คือ ให้ใช้ผ้าแตะยาขัด รองเท้าที่สีเดียวกับไม้ แล้วถูตรงรอย แล้วใช้ผ้าขัดต่ออีกครั้ง รอยขีดข่วนก็จะหายไป  ไวนิล ใช้น้ำยาอเนกประสงค์เช็ดทำความสะอาดโดยที่หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์หรือน้ำมัน ก๊าด และห้ามใช้แผ่นขัดถูเนื้อหยาบเด็ดขาด
3. การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์เบาะ การดูดกลิ่น ให้ใช้ผงฟูหรือแป้งข้าวโพดโรยบนพรม โดยใช้อัตราส่วน 1 ถ้วย ต่อพื้นที่ห้องขนาดกลาง ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก แต่ถ้ากลิ่นติดแน่นให้โรยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงดูดออก การขจัดคราบเลือด ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดเบา ๆ จนกว่าจะหมด คราบเหนียวเหนอะหนะ ใช้ผงฟูทาทับรอยเปื้อน แล้วใช้มือถูเบา ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงเช็ดออก ทาซ้ำอีกถ้ารอยเปื้อนยังไม่หมด  คราบไขมัน ใช้แป้งข้าวโพดทาทับรอยเปื้อน ทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง จากนั้นเช็ดออก  คราบเขม่าหรือเถ้าถ่าน ให้ใช้เกลือทาทับบาง ๆ แล้วเช็ดออก คราบปัสสาวะของเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง เช็ดด้วยน้ำธรรมดา 1 ครั้ง จากนั้นใช้น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับสบู่เหลว 1 ช้อนชา เช็ดถูบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้ 15 นาที จึงเช็ดออก
กระจก

4. เหล็ก และกระจก ใช้น้ำยาฉีดกระจกในการทำความสะอาดในส่วนของกระจกควรหลีกเลี่ยงผ้าที่เป็นขน
5. การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นผ้าฝ้าย ให้ใช้แปรงทาสี ด้ามใหม่ปัดตามซอกมุมเฟอร์นิเจอร์ไปพร้อมกันกับการทำความ สะอาดเฟอร์นิเจอร์ทุกครั้ง
6. การรักษาเฟอร์นิเจอร์โลหะไม่ให้เป็นสนิมได้ง่ายคือให้เคลือบ โลหะด้วยขี้ผึ้งขัดรถ เมื่อจำเป็นต้องเอาเฟอร์นิเจอร์โลหะ ไว้ตากน้ำค้าง จะได้ไม่ขึ้นสนิมได้ง่าย

ในการใช้ยาขัดเฟอร์นิเจอร์ไม่ควรใช้ประเภท เช่น น้ำมัน ขี้ผึ้ง บ่อยๆ เพราะอาจจะทำให้ผิวเฟอร์นิเจอร์เกิดความเสียหายได้ง่าย  วิธีลบคราบดวงๆ ที่ติดบนเฟอร์นิเจอร์คือ ให้ใช้จุกไม้ก๊อกถู ถ้าไม่ ออกให้ใช้นิ้วมือแตะยาสีฟันผสมขี้เถ้าบุหรี่ถูอีกครั้ง จากนั้นใช้ ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเปื้อนซ้ำอีกครั้ง เท่านี้ก็สามารถรักษาเฟอร์นิเจอร์ให้อยู่กับบ้านเราไปนานๆได้แล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.buphachat.com/board/

วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แต่งครัวยังไงให้ อินเทรนด์

ทำไมต้องแต่งครัว ครัวนั้นสำคัญไฉน จึงต้องใส่ใจ และแต่งครัวยังไงให้ อินเทรนด์

 ห้องครัว เป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมพบปะ สังสรรค์ "ห้องครัว" เป็นสื่อรักเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนสนิท เพียง สองเหตผลข้างต้น คงพอพูดได้ว่า ... "ห้องครัว" ของครอบครัวยุคใหม่ปัจจุบัน ไม่ได้เป็นเพียงแค่ห้องประกอบอาหารอย่างเดียว แต่ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มความสุขของสมาชิกในครอบครัวและ ช่วยทำให้บ้านมี ความสุขยิ่งขึ้น เมื่อ.."ห้องครัว" ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน เทรนด์ในการตกแต่งห้องครัวได้ รับความสนใจมากขึ้นในกลุ่มลุกค้าคนไทย ..."ห้องครัว" จึงมีวิวัฒนาการเรื่อยมา โดยสะท้อนออกมาในรูปแบบของนวัตกรรมด้านการออกแบบดีไซน์ ตลอดจนวัสุดและเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตที่มีความทันสมัยและปลอดภัยมากขึ้น RCD Kitchen Design Center ทองหล่อ 15 โชว์รูมและศูนย์ให้คำปรึกษาด้านการตกแต่งห้องครัวครบ วงจรที่ กิตติ เริ่มเจริญดี ผู้บริหาร RCD Kitchen บอกว่าจุดเด่นอยู่ที่ความเป็น Customize Design ที่ตอบรับทุกความต้องการของลูกค้าด้วยดีไซน์ที่ลงตัวและวัสดุที่มีคุณภาพ รวมถึงการให้บริการที่ครบวงจร ด้วยทีมดีไซน์เนอร์ที่คอยให้คำปรึกษาด้านการออกแบบแก่ลูกค้า "ด้วยความเป็น In house factory ทำให้ควบคุมขั้นตอนการผลิตได้เต็มที่ วางใจได้เรื่องของความปลอดภัย" กิตติ กล่าวย้ำ ใน ช่วงอัพเดทเทรนด์แต่งห้องครัวให้ทันสมัยลงตัว ขอหยิบเอาคำแนะนำของ อาจารย์เอกพงษ์ ตรีตรง กูรูด้านงานดีไซน์และออกแบบตกแต่งภายใน ว่า.. สไตล์การตกแต่งห้องครัวยุค นี้ เน้นการเปิดพื้นที่โล่งในตำแหน่งที่ใกล้กับโต๊ะอาหารและส่วนพักผ่อน เพื่อให้เกิดการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเคาน์เตอร์กลางครัว หรือที่เรียกว่า Kitchen Island มาช่วยเพิ่มพื้นที่ในการปรุงอาหารให้มากขึ้น นอกจากนี้ ยังเน้นออกแบบให้ดูเรียบไม่รกสายตา และคำนึงเรื่องของฟังก์ชั่นใช้งานเป็นหลัก ส่วนวัสดุที่ใช้ต้องคำนึงถึงความสะอาด คงทน ง่ายต่อการรักษา และมีความปลอดภัย คำแนะนำของอาจารย์เอกพงษ์ ที่นำมาฝาก คงพอเป็นเกร็ดความรู้ เสริมไอเดียของคุณๆ ผู้อ่านได้บ้าง แต่ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

ขอบคุณข้อมุลจาก http://www.bangkokbiznews.com

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ข้อแนะนำก่อนกู้ซื้อบ้าน

ข้อแนะนำก่อนกู้ซื้อบ้าน 

ในการซื้อบ้าน สำหรับ ผู้ที่ไม่มีเงินก้อนหลังจากการผ่อนดาวน์บ้าน ซึ่งเป็นจำนวนประมาณ 10-20% ของราคา บ้าน ส่วนที่เหลืออีก 80-90% จึงต้องพึ่งเงินกู้จากธนาคารโดยนำบ้านที่ซื้อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ในการกู้เงินซื้อบ้านนี้มีปัจจัยและเงื่อนไขที่ผู้กู้ควรพิจารณาก่อน เช่น
- จะกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่หรือลอยตัวดี 
-  วงเงินที่จะกู้  
- ระยะเวลากู้  
- ค่าใช้จ่ายในการกู้
-  จำนวนเเงินงวดต่อเดือนที่ต้องผ่อนชำระ
- เงื่อนไขการให้บริการต่างๆของธนาคารนั้นๆ  

เหล่า นี้เป็นสิ่งที่ผู้กู้ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาเปรียบเทียบระหว่างสถาบันการเงินแต่ละแห่ง แล้วจึงเลือกสถาบันการเงินที่ให้ประโยชน์กับคุณมากที่สุด ในส่วนของ อัตราดอกเบี้ย ที่จะเลือกใช้ก็เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อบ้านบางท่านอาจจะคิดไม่ตกว่าจะเลือกแบบบ้าน แปลนบ้าน แบบไหนดี เพราะในปัจจุบันสถาบันการเงินแต่ละแห่งก็มีให้เลือกมากกว่า 1-2 ทางเลือก

อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเสนอในตลาดขณะนี้จะมีทั้งแบบ
1. อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating rate loan)
2. อัตราดอกเบี้ยคงที่   (Fixed rate loan)
3. อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะหนึ่งและปรับเป็นคงที่ใหม่ทุกรอบเวลา (Rollover Mortgage Loan) ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ดังนี้

          อัตราดอกเบี้ยลอยตัว หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดมาแล้ว แต่จะไม่อยู่คงที่ตลอดระยะเวลากู้ ธนาคารสามารถปรับเปลี่ยนขึ้น-ลง ตามที่เห็นสมควร ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องในระบบการเงิน หรือตามต้นทุนการเงินของธนาคาร บางปีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอาจมีการปรับเปลี่ยนไปถึง 4-5 ครั้ง แต่บางปีก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็มี
แต่ในการคำนวณเงินงวดแม้ธนาคารฯ ส่วน ใหญ่จะคิดอัตราดอกเบี้ยตามประกาศจริง แต่มีบางธนาคารใช้วิธีการคำนวณเงินงวดต่อเดือนของลูกค้า โดยคิดเพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยจริงบวกด้วย 1-3% ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้กู้ในกรณีดอกเบี้ยเพิ่มในภายหลัง หรือหากดอกเบี้ยไม่เพิ่มหรือลดลงเงินงวดที่ผู้กู้จ่ายเกินไว้ก็ จะไปตัดเงินต้นมากขึ้น และทำให้หนี้เงินกู้หมดเร็วขึ้นกว่าที่ระบุในสัญญากู้ เช่น กู้ 30 ปี อาจจะเหลือ 27- 28 ปี เป็นต้น

          ส่วนอัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่เสนอในตลาดในขณะนี้แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ ธนาคารจะกำหนดดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้นๆ 1-5 ปี จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งอาจจะสูงหรือต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยคงที่เดิมก็ได้ขึ้นอยู่กับ สถานการณ์ตลาดเงินและต้นทุนทางการเงินของธนาคารในขณะนั้น การปรับเปลี่ยน (อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว) นี้อาจจะส่งผลกระทบต่อเงินงวดที่ผู้กู้ชำระในแต่ละเดือนได้ โดยเฉพาะหากมีการปรับตัวสูงขึ้นในภายหลัง จนทำให้เงินงวดต่อเดือนที่ผู้กู้ผ่อนชำระกับธนาคารไม่พอ ชำระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น อาจจะต้องเพิ่มเงินงวดต่อเดือนในภายหลังจนเกินที่จะรับภาระไหว
ฉะนั้นผู้กู้เงินแบบอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ จึงต้องระวังในกรณีนี้ด้วย อัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดระยะเวลากู้ ธนาคารจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่หรือตายตัวตาม ประกาศของธนาคารในขณะที่ขอกู้ โดยไม่ปรับเปลี่ยนขึ้นลงตามสถานการณ์ตลาดเงินหรือต้นทุนทางการ เงิน ดังนั้นเงินงวดที่ชำระในแต่ละเดือนก็จะคงที่ตลอดระยะเวลากู้ 5-10-15-20-30 ปี ตามแต่ผู้กู้จะเลือก

          อัตราดอกเบี้ยคงที่ในช่วงแรกจากนั้นเป็นลอยตัว อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้นแบบขั้นบันไดในช่วงแรกจากนั้นเป็นอัตราดอกเบี้ย ลอยตัว จะกำหนด ดอกเบี้ยแบบคงที่ในระยะสั้นประมาณ 1-5 ปี แต่ในระหว่างนั้นอาจกำหนดคงที่แบบขั้นบันได เช่น คงที่ 4 ปี ปีแรก = 1%,ปีที่ 2 = 2.5%,ปีที่ 3 = 3.5%,ปีที่ 4 = 4.5% หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นอัตราดอกเบี้ยเป็นต้น อัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะหนึ่งและปรับเป็นคงที่ใหม่ทุกรอบเวลา ธนาคารจะกำหนดดอกเบี้ยคงที่ ระยะหนึ่ง เช่น 3 ปี หรือ 5 ปี และจะปรับเป็นคงที่ใหม่ทุกรอบเวลา 3 ปี หรือ 5 ปี ตลอดระยะเวลาตาม สัญญากู้ 

ฉะนั้นผู้กู้แต่ละรายที่กู้ต่างเวลากันหรือในช่วงต่อครั้งที่ 2,3,4 ฯลฯ อัตราดอกเบี้ยจึงไม่เท่ากันอาจจะต่ำหรือสูงกว่า เป็นต้น ในส่วนของผู้กู้แนะนำให้รวบรวมอัตราดอกเบี้ยและประเภทเงินกู้ของสถาบันการ เงินหลายๆ แห่ง เมื่อรวบ รวมประเภทเงินกู้แบบต่างๆ ของแต่ละสถาบันการเงินแล้ว ผู้กู้ก็นำอัตราดอกเบี้ยจริงมาเปรียบเทียบว่าที่ ไหนให้เท่าใด สูงต่ำกว่ากันอย่างไร ซึ่งหลักโดยทั่วไปหากเป็นเงินกู้ประเภทเดียวกัน ดอกเบี้ยต่ำที่สุดก็จะ เป็นประโยชน์กับผู้กู้มากที่สุด เพราะดอกเบี้ยที่ต่ำจะทำให้เงินงวดรายเดือนที่ผ่อนชำระต่ำไปด้วย

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเลือกซื้อบ้านมือสอง

การเลือกซื้อบ้านมือสอง


   หลายท่านที่กำลังคิดจะสร้างบ้านสัก หลัง และกำลัง ค้น ค้น ค้น ค้นหาข้อมูลเบื้องต้นอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ และเริ่มพบว่าเป็นเรื่องยุ่งยากมากกว่าที่คิด กับการจะหาที่ดินว่างๆ สักแปลงที่อยู่ในทำเลดีๆ เพื่อที่จะปลูกบ้านสักหลัง จะให้ใครออกแบบดี จะเลือกสถาปนิกอิสระจะได้มีเวลาคุยกันเยอะๆ หรือจะเลือกบริษัทออกแบบใหญ่ที่มีชื่อเสียง จะใช้ผู้รับเหมารายไหนดี เจอรายชื่อเต็มไปหมด แต่รายไหนละน่าเชื่อถือ ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ สำหรับใครสักคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็จำเป็นจะต้องหาข้อมูลให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าในสมัยปัจจุบันเราอาจมีโอกาสได้ผ่อนบ้านได้ เพียงหลังเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามด้วยชีวิตที่เร่งรีบ และดิ้นรนแบบในปัจจุบัน ต้องทำงานทุกวันไม่ค่อยมีเวลามานั่งศึกษา แต่มีความจำเป็นต้องหาบ้านสักหลังควรจะทำอย่างไร

ลองดู “บ้านมือสอง” ไหมครับ ผมเชื่อหลายคนอาจจะเริ่มมีคำถามแล้วใช่ไหมครับเมื่อผมพูดถึงบ้านมือสองว่า บ้านมือสองดีอย่างไร และมันจะดีกว่าบ้านที่ปลูกใหม่ได้อย่างไร ลองดูครับ ข้อแรก “สร้างเสร็จก่อนขาย” แน่นอนครับ เห็นสภาพจริงๆ ของบ้านก่อนที่เราจะจ่ายเงินของเราออกไป ข้อที่สอง เข้าอยู่ได้ (เกือบ) ทันที ไม่ต้องเสียเวลารอโอนที่ รอเขียนแบบ รอแล้วรอเล่า ข้อที่สาม อาจจะได้ทำเลที่คุณพอใจก็ได้ เพราะบัจจุบันการจะหาที่ดินเปล่าสักแปลงในทำเลที่คุณชอบบางครั้งหายากกว่าป้ายประกาศขายบ้านซะอีก ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ บ้านมือสอง ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยใช่ไหมครับ ถ้าสนใจ งั้นลองดูนะครับว่าจะหาข้อมูล บ้านมือสอง ได้จากที่ไหนบ้าง

แหล่งข้อมูลในการค้นหา “บ้านมือสอง”

1. นิตยสารหรือหนังสือซื้อ-ขายบ้าน เท่าที่ผ่านตาก็มีอยู่ด้วยกันหลายเล่ม หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป ในกลุ่มของนิตยสาร จะให้ข้อมูลในด้านทำเลที่ตั้ง และราคา เป็นหลัก ส่วนในกลุ่มที่เป็นหนังสือก็จะมีการเพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีการเลือก ซื้อ หรือการตรวจสอบสภาพบ้านเข้าไป เพื่อเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจ นิตยสารหรือหนังสือซื้อ-ขายบ้านเหล่า นี้ บางครั้งบางคราว บางเล่มอาจจะสัมพันธ์กับเว็บไซต์ บางเล่มอาจเริ่มจากการตีพิมพ์เป็นหนังสือมาก่อนเมื่อมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้น จึงเริ่มทำข้อมูลเป็นดิจิตอล และอาจจะขยายต่อไปเป็นเว็บไซด์ เพื่อตอบสนองความต้องการในการรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น บางเล่มอาจจะมีที่มามาจากเว็บไซด์ แต่ต้องการเข้าถึงผู้อ่านให้มากขึ้นจึงนำข้อมูลบางส่วนมาจัดพิมพ์เป็น หนังสือเพื่อจำหน่าย

2. เว็บไซด์ซื้อ-ขายบ้าน ซึ่งจะเป็นระบบการซื้อ-ขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ข้อดีของเว็บไซด์ซื้อ-ขายบ้าน คือ มีระบบสืบค้นข้อมูลทำให้สามารถหาบ้านที่ ตรงกับความต้องการของเราได้อย่างรวด เร็ว อย่างเช่น สามารถระบุทำเลที่ตั้ง ขนาดพื้นที่ ราคา บางเว็บไซด์สามารถ ระบุได้ถึงจำนวนห้องนอน หรือห้องน้ำที่ต้องการ บางเว็บไซด์ผู้จัดทำเว็บไซด์จะเป็นผู้จัดการเรื่องการซื้อขายให้ ผู้ขายต้องเป็นผู้ส่งข้อมูลของบ้านที่ ต้องการขายไปให้ผู้จัดทำเว็บไซด์ ผู้ซื้อก็จะต้องติดต่อผ่านทางผู้จัดทำเว็บไซด์ ซึ่งจะมีความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับหนึ่ง แต่บางเว็บไซด์ก็จะเป็นการฝากซื้อ-ฝากขายโดยอิสระ ซึ่งไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ

www.ban4u.com
www.baansbuy.com
www.bcp.co.th
www.homeandi.com
www.homedd.com
www.hometophit.com
www.thaihomeonline.com

Keyword: บ้านมือสอง

3. เลือกซื้อบ้านจาก ธนาคาร ธนาคารหลายแห่งมักจะนำสินทรัพย์ที่หลุดจำนอง มาให้ประมูลหรือขายทอดตลาด สามารถติดต่อขอข้อมูลได้โดยตรงกับธนาคาร (ธนาคารบางแห่งมักจะชอบจัดทำเป็นแผ่นพับหรือหนังสือแจกให้กับลูกค้า) และในบางโอกาสเมื่อมีการจัดงานมหกรรมซื้อ-ขายบ้าน ธนาคารต่างๆ ก็มักจะไปออกร้าน ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกให้ผู้สนใจ ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบข้อมูลและเงื่อนไขของแต่ละธนาคารได้ในคราวเดียว กัน ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำหมุนเวียนกันไป นอกจากนั้นธนาคารเหล่านี้ก็จะรวบรวมข้อมูลสินทรัพย์เหล่านี้ไว้ในเว็บไซด์ ของธนาคาร ซึ่งนับว่าความน่าเชื่อถือทางด้านข้อมูลมากที่สุด

ธนาคารกรุงเทพ www.bangkokbank.com
ธนาคารกรุงไทย www.ktb.co.th
ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา www.krungsriproperty.com
ธนาคารกสิกรไทย www.kasikornbank.com
ธนาคารทหารไทย www.tmbbank.com
ธนาคารไทย พาณิชย์ www.scb.co.th
ธนาคารนครหลวงไทย www.scib.co.th
ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ www.ghb.co.th

ขอบคุณข้อมูลจาก บ้านและสวน www.baanlaesuan.com


วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การใช้งาน ผนังกันฝน

ผนังกันฝน


หากมองย้อนกลับ ไปในสมัยที่มีการเผยแพร่ความรู้เรื่องภาวะเรือนกระจก หรือ Greenhouse effect ในแวดวงการก่อสร้างก็เช่นเดียวกัน ได้มีการตื่นตัวเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม และมีความพยายามในการคิดค้นวัสดุทดแทนไม้ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น อิฐมวลเบา ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นเพื่อใช้เป็นวัสดุก่อที่มีน้ำหนักเบา และในเวลาต่อมา ได้มีการพัฒนาวัสดุแผ่นเพื่อใช้ทำผนังภายนอกทดแทนการใช้ไม้ วัสดุอย่างเช่น แผ่นเซลโลกรีต จึงถูกคิดค้นขึ้นเพื่อให้สามารถนำไปใช้ทำผนังภายนอกทดแทนการใช้ไม้ วัสดุเหล่านี้ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ถึงแม้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงก็ตาม เพราะนอกจากจะช่วยลดการตัดไม้แล้ว ยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายของโครงสร้างลง เพราะมีน้ำหนักเบากว่าการใช้อิฐมอญ


ผนังก่ออิฐมวลเบา ผนังเซลโลกรีต

แต่ปัจจุบันพบว่านักออกแบบบ้านส่วน ใหญ่จะเลือกใช้วัสดุทดแทนเหล่านั้น กับตำแหน่งที่อยู่ภายในอาคารเท่านั้น อย่างเช่น ผนังภายใน และนิยมหันกลับไปใช้อิฐมอญตามเดิม สาเหตุสืบเนื่องมาจาก วัสดุเหล่านั้นจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันน้ำฝนได้ไม่ดีเท่าที่ควร อีกทั้งวัสดุแผ่นเหล่านั้นจะมีรอยต่อระหว่างแผ่น เมื่อใช้งานไปเป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 ปี วัสดุยาแนวระหว่างรอยต่อของแผ่นก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดปัญหาเรื่องน้ำรั่วซึมเข้าสู่ภายในอาคาร จำเป็นต้องมีการยาแนวใหม่เป็นระยะๆ ซึ่งทำให้เสียเวลาและสิ้นเปลื้องค่าใช้จ่าย



จากข้อจำกัดดังกล่าวจึงได้มีผู้คิดค้น ระบบผนังกันฝน หรือ Rain Screen ซึ่งผนังชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งวัสดุยาแนวรอยต่อภายนอก แต่ใช้ระบบผนังสองชั้นที่มีช่องว่างตรงกลางระหว่างผนังแทน แบ่งเป็น 2 แบบบ้านด้วยกัน คือ



1.ผนังกันฝนแบบบ้านระบาย น้ำ-อากาศ ผนังชนิดนี้จะใช้แผ่นวัสดุ 2 ชั้น สำหรับทำผนังภายนอกยึดเข้ากับโครงตามแนวตั้ง ด้านบนเปิดช่องว่างเพื่อให้อากาศไหลออกเมื่อมีน้ำซึมผ่านเข้ามา ผนังระบบนี้จะยอมให้น้ำซึมผ่านแผ่นวัสดุชั้นนอกเข้ามาได้ แต่ไม่สามารถผ่านแผ่นวัสดุชั้นที่สองซึ่งเป็นฉนวนกันน้ำ และสามารถระบายน้ำออกบริเวณด้านล่างได้



2.ผนังกันฝนแบบบ้านความกดอากาศสมดุล ผนังแบบบ้านที่สอง ผนังแบบบ้านนี้จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับแบบบ้านแรก แต่มีการออกแบบบ้านแผ่น วัสดุให้สามารถปรับความดันได้อย่างอิสระ เพื่อให้ความกดอากาศเท่ากันกับภายนอก ทำให้น้ำฝนไม่ซึมเข้ามาภายใน เมื่อไม่มีน้ำฝนเข้ามาภายใน ผนังชั้นในจึงไม่จำเป็นต้องเป็นผนังกันน้ำ



ในปัจจุบัน สำหรับต่างประเทศเราสามรถพบเห็น ระบบผนังกันฝน ที่ว่านี้ได้ตามอาคารพักอาศัยทั่วๆไป แต่สำหรับประเทศไทยอาจจะพบเห็นได้น้อย นอกจากอาคารสาธารณะขนาดใหญ่บางอาคารเท่านั้น แต่ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นระบบผนังกันฝนที่ว่านี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเนื่องจากจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝนและความชื้นที่ดีกว่าระบบผนัง สำเร็จรูปในปัจจุบันแล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ระบบผนังกันฝนกับสไตล์การออกแบบบ้านที่นิยมใช้วัสดุแผ่น ขนาดเล็กมาสร้างให้เกิดลวดลายบนผนังได้อีกด้วย


ขอบคุณข้อมูลจาก บ้านและสวน www.baanlaesuan.com